ถังบำบัดน้ำเสียไฟเบอร์กลาส 25000 ลิตร ตรา Maktang รุ่น MT25000FB

ข้อมูลเฉพาะของ ถังบำบัดน้ำเสียไฟเบอร์กลาส 25000 ลิตร ตรา Maktang

- ถังบำบัดน้ำเสียไฟเบอร์กลาส มีขนาดความจุ 25000 ลิตร

- ถังบำบัดน้ำเสียไฟเบอร์กลาส มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2.50 เมตร

- ถังบำบัดน้ำเสียไฟเบอร์กลาส มีขนาดความยาว 5.80 เมตร

ถังบำบัดน้ำเสียไฟเบอร์กลาส มีขนาดท่อน้ำเข้าขนาด 4 นิ้ว

- ถังบำบัดน้ำเสียไฟเบอร์กลาส มีขนาดท่อน้ำออกขนาด 4 นิ้ว 

สนใจส่วนสดพิเศษ Line ID : @maktang หรือ โทร. 092 412 1629

ถังบำบัดน้ำเสียไฟเบอร์กลาสทรงแคปซูลขนาดใหญ่ Maktang

- เป็น ถังบำบัดน้ำเสียไฟเบอร์กลาส หรือ ถังแซท ที่มีขนาดใหญ่ผลิตจากวัสดุเส้นใยไฟเบอร์กลาส (FRP)ที่มีความแข็งแรง ซึ่งวัสดุไฟเบอร์กลาสที่ใช้ในการผลิตตัวถังบำบัด ของเรา ได้รับการรับรองมาตราฐาน มอก.435-2548 
ซึ่ง ถังบำบัดน้ำเสีย ประเภทนี้จะใช้ในโครงการงานก่อสร้างที่ขนาดใหญ่ ที่มีผู้อยู่อาศัยจำนวนมากเช่น อพาร์ทเม้นท์ คอนโดมิเนียม โรงแรม โรงเรียน โรงงานอุตสาหกรรม หน่วยงานเอกชน สถานที่ราชการขนาดใหญ่ เป็นต้น ตัว ถังบำบัดน้ำเสียขนาดใหญ่ จึงสามารถรองรับปริมาณน้ำเสียในแต่ละวันได้ปริมาณที่มาก 
หลักการทำงานของถังบำบัดน้ำเสียแบบเติมอากาศทรงแคปซูล
ภายใน ถังบำบัดน้ำเสียไฟเบอร์กลาส แบ่งออกมาเป็น 3 ช่อง ได้แก่
 1 ช่องส่วนเกรอะ รือส่วนแยกกากตะกอน ทำหน้าที่คอยแยกกากอินทรีย์สารตะกอนของเสียที่มีขนาดใหญ่ ให้ตกลงสู่ก้น ถังบำบัดน้ำเสีย ส่วนตะกอนที่มีขนาดเล็กจะล้นไปสู่ช่องต่อไปก็คือช่องส่วนเติมอากาศ
2 ช่องส่วนเติมอากาศ ทำหน้าที่รับน้ำเสียจากช่องช่องส่วนเกรอะ นำมาบำบัดโดยใช้จุลินทรีย์ช่วยในการย่อยสลายของเสีย โดยใช้ปั๊มเติมอากาศ ส่งอากาศเข้ามาภายในถัง ผ่านทางท่ออากาศ การใช้ปั๊มเติมอากาศนี้ทำให้จุลินทรีย์เติบโตได้ดีและกินของเสียได้ปริมาณที่มากอีกทั้งทำให้เกิดกลิ่นรบกวนที่น้อยกว่า หรืออาจจะไม่มีกลิ่นเลย
3 ช่องส่วนตกตะกอน ทำหน้าที่คอยตกตะกอนที่ยังหลงเหลืออยู่จากการบำบัดของช่องส่วนเติมอากาศ เพื่อให้น้ำที่ไหลออกจากถังบำบัดน้ำเสีย ไปยังบ่อพักน้ำเสีย หรือแหล่งน้ำสาธารณะ เป็นน้ำที่มีความสะอาด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ช่องนี้ยังติดตั้งปั๊มดูดตะกอนย้อนกลับ สำหรับดูดตะกอนที่เหลืออยู่ ให้ย้อนกลับไปยัง ถังบำบัดน้ำเสียไฟเบอร์กลาส ช่องแรก(ช่องส่วนเกรอะ)เพื่อทำการบำบัดอีกรอบหนึ่ง  

การติดตั้งและการใช้งานถังบำบัดน้ำเสียไฟเบอร์กลาสแบบเติมอากาศ Maktang

ถังบำบัดน้ำเสีย Maktang มีทั้งแบบเติมอากาศและแบบไร้อากาศ  โดยทางบริษัทฯได้จัดทำคู่มือการติดตั้งและการบำรุงรักษา ให้ลูกค้าได้ติดตั้ง ถังบำบัดน้ำเสียไฟเบอร์กลาส อย่างถูกวิธี หากติดตั้งที่ผิดวิธีอาจมีความเสียหาย เสียค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น หรือส่งผลให้เกิดมลพิษทางน้ำที่จะส่งผลต่อสภาพแวดล้อมคุณสมบัติของระบบบำบัดน้ำเสียแบบเติมอากาศคือการใช้อ๊อกซิเจนจากเครื่องเติมอากาศเข้ามาช่วย ในการเพิ่มปริมาณออกซิเจนในถังบำบัดน้ำเสีย ให้น้ำที่ได้ผ่านการบำบัดแล้วสามารถปล่อยลงสู่บ่อบำบัดรวมสาธารณะได้โดยเกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด 

หลักการทำงานของถังน้ำเสียเติมอากาศ  

ถังบำบัดน้ำเสียสำเร็จรูป แบบเติมอากาศ  (SEPTIC AND AERATION FILTER) ทำหน้าที่โดยเริ่มจากขั้นตอนการแยกกากตะกอนหนัก (SEPTIC) บำบัดมายังขั้นตอนการกรองแบบเติมอากาศ  (AERATION FILTER) ซึ่งอาศัยกระบวนการย่อยสลายโดยใช้หัวเชื้อจุลินทรีย์บำบัดน้ำเสีย พร้อมกับใช้วิธีเครื่องเติมอากาศ เข้าไปเพิ่มอ๊อกซิเจนในถังบำบัด ซึ่งจะทำให้การบำบัดมีประสิทธิภาพได้ดีเมื่อใช้อากาศเติมสู่ระบบ ทำให้จุลินทรีย์สามารถทำงานและบำบัดสารอินทรีย์กากของเสียได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ได้ค่าน้ำที่ออกมาได้ตามมาตรฐานตามที่หน่วยงานกรมควบคุมมลพิษกำหนด อีกทั้งยังรักษาสิ่งแวดล้อมก่อนปล่อยน้ำเสียออกจากถังเป็นน้ำที่มีคุณภาพ
ตำแหน่งที่จะทำการติดตั้งถัง
โดยทั่วไปตำแหน่งของ ถังบำบัดน้ำเสียไฟเบอร์กลาส จะถูกออกแบบจะวิศวกรไว้เรียบร้อยแล้วในการออกแบบอาคาร  หากยังไม่มีการออกแบบไว้ก่อน  หรือต้องการติดตั้งถังเพิ่มเติมจากเดิมที่มีอยู่ ควรให้พิจารณาดังต่อไปนี้
  1. ควรติดตั้งภายนอกตัวอาคาร  เพราะสามารถทำการติดตั้งและดูแลรักษาได้ง่าย
  2. ควรติดตั้งใกล้ห้องส้วมและท่อระบายน้ำสาธารณะ  เพื่อลดปัญหาการอุดตันในท่อ
  3. หากติดตั้งในอาคารให้แยกโครงสร้างฐานรากของถังบำบัดออกจากฐานรากของอาคาร
  4. ตรวจสอบตำแหน่งที่จะเดินท่อเติมอากาศรวมถึงตำแหน่งวางปั๊มไม่ควรห่างจากตัวถังมากนักเพราะอาจมีผลต่อแรงอัดอากาศที่ลดลงเมื่อระยะห่างระหว่างถังกับปั๊มอยู่ไกลกันและควรไว้ในที่ร่ม
  5. ในกรณีมีตู้คอนโทรลปั๊มควรตรวจสอบตำแหน่งที่จะติดตั้งตู้ก่อนและควรไว้ในที่ร่มหรือมีหลังคากันแดดและฝนเพื่อยืดอายุการใช้งาน
  6. ท่อเข้าออกสั่งได้มาตรฐานโรงงานและสั่งพิเศษ  (ติดต่อฝ่ายขาย)
      *** หากที่พื้นที่ในการวางถังบำบัดมีจำกัด ทางบริษัทฯ สามารถสั่งผลิตถังได้ตามความเหมาะสมของหน้างาน โดยทางลูกค้าสามารถติดต่อฝ่ายขายให้ออกแบบคำนวณ ความกว้างและความยาวของถังบำบัดให้เหมาะสมกับการใช้งานจากพื้นที่หน้างานจริงได้***

วิธีการติดตั้งถังบำบัดน้ำเสียแบบเติมอากาศมีขั้นตอนตามลำดับต่อไปนี้

  1. ขุดหลุมขนาด  กว้าง X ยาว X สูง  ให้เหมาะสมกับขนาดถังฐานรากและระดับท่อ เข้า – ออก                
  2. (ดูแคตตาล็อคและตารางแต่ละรุ่น)  อาจใช้เสาเข็มตามวิศวกรระบุ  แล้วรองพื้นด้วยทรายและเทคอนกรีตเสริมเหล็ก  หรืออาจใช้เพียงคอนกรีตหยาบ 1:3:5 หากสภาพดินรับแรงดี
  3. ยกถังวางลงในหลุม  จัดระดับถังให้เหมาะสมท่อเข้า - ออก  จะต้องไม่กดลึกกว่าระดับพื้นดินเกินกว่า  0.50 ม.  หากฝังถังลึกเกินไปถังจะเสียหายจากน้ำหนักดินที่กดทับได้ ใช้ลวดสลิงดึงรัดรอบถัง กันถังเคลื่อนและถังลอย แล้วเติมน้ำให้เต็มถังแล้วจึงกลบด้วยทรายหยาบอัดแน่นรอบถังทุกชั้น ๆ ละ 50 ซม. จากฐานรากถึงผิวพื้นด้านบนจนประกอบท่อเข้า - ออก ด้วยข้อต่ออ่อนและท่ออากาศให้สูงเลยชั้นหลังคา , ดาดฟ้า
  4. ทำแนวกั้นชั่วคราวเป็นแนวเขตป้องกัน  และทำป้ายระวังถังบำบัด โดยรอบถัง เพื่อป้องกันรถบด, หรือเครื่องจักรหนักเข้ามาเหยียบถังโดยรอบขอบถังอย่างน้อย 1.50 ม. ตลอดช่วงระยะเวลาก่อสร้าง
  5. เทพื้น  ค.ส.ล. ขนาดไม่เกิน  80 X 80 X 10 ซม. และฝังแหวนรองฝา  ทิ้งไว้ให้ปูนแห้งแล้วจึงวางฝาปิด  เติมหัวเชื้อ  เป็นเสร็จขั้นตอน

ข้อควรระวังในการติดตั้งถัง

  1. ถังบำบัดน้ำเสียไฟเบอร์กลาส จะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ถ้าได้รับการติดตั้งอย่างถูกวิธีและปฏิบัติตามคำแนะนำ
  2. ระดับของท่อน้ำเสียที่เข้า และท่อน้ำเสียที่ออกจากถัง ควรอยู่สูงกว่าระดับท่อระบายน้ำสาธารณะ
  3. การฝังท่อร้อย (Sleeve) ที่คานชั้นล่างจะช่วยทำให้ระดับถังที่ติดตั้งไม่ลึกมากเกินไปและ ทำให้การระบายน้ำสะดวกขึ้น
  4. ความลาดเอียงของท่อที่เข้า  และท่อที่ออกจากถัง ไม่น้อยกว่า 1 : 100 หรือมีความสูงต่างกัน 1 เซนติเมตร ต่อความยาว 1 เมตร หากท่อน้ำเสียยาวมาก  (เกิน  4  เมตร) ให้เพิ่มช่องล้างท่อ (FCO) ที่ต้นท่อ หรือใช้บ่อพักทุกระยะ  8  เมตร
  5. การยก ถังบำบัดน้ำเสียไฟเบอร์กลาส ให้ยกโดยใช้ลวดสลิงรองรับถัง  โดยใช้รถยกที่ออกแบบไว้รับน้ำหนักโดยเฉพาะห้ามยกที่ท่อเข้า - ออกซึ่งอาจทำให้ท่อหักได้
  6. ห้ามติดตั้งถังในระดับท่อเข้าถึงพื้นผิวดินความลึกเกินกว่า  50  ซม.  ไม่ควรก่ออิฐฉาบปูนเป็นคอถังเพราะมีน้ำหนักกดทับถังมาก กรณีมีความจำเป็นต้องติดตั้งลึกเกินกว่าที่กำหนด
  7. ให้ใช้ทรายหยาบอัดแน่นด้วยคนและเครื่องตบอัดทรายรอบ ๆ ถัง  ตั้งแต่ฐานรากจนถึงผิวดินชั้นบนสุด  (เติมน้ำให้เต็มถังและบดอัดทรายพรมน้ำสลับกันทุกระยะความสูง 50 ซม.จนเต็มถัง พื้นผิวดินชั้นบน)
  8. บริเวณที่ติดตั้งถังต้องทำแนวรั้วชั่วคราว  เพื่อป้องกันไม่ให้มีรถยนต์ รถบรรทุก หรือวัสดุหนักเข้าไปเหยียบหรือกดทับบริเวณใกล้เคียงโดยเด็ดขาด(ยกเว้นที่การทำโครงสร้างช่วยรับน้ำหนักไว้)
  9. การต่อท่อระบายอากาศ (V 2) ให้สูงเหนือชั้นหลังคาแยกต่างหากออกจากท่อระบายอากาศ (V 1) ของอากาศจะช่วยลดปัญหาเรื่องกลิ่นเหม็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  10. อุปกรณ์ที่เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งปั๊มเติมอากาศ และตู้คอนโทรล ควรอยู่ในห้องควบคุมหรืออยู่ในที่ร่มห่างจะความชื้น เพื่อยืดอายุการใช้งานที่นานขึ้น

การดูแลรักษาหลังจากติดตั้งแล้วและเริ่มใช้งาน

  1. กำจัดตะกอน โดยการจ้างรถบริการดูดส้วม อย่างน้อยปีละ 1 - 2 ครั้งทั้งช่องแยกตะกอน และช่องกรอง หรือช่องเติมอากาศเพื่อให้ประสิทธิภาพการบำบัดดีขึ้น
  2. ดูดตะกอนที่ก้นถังออกในปริมาณไม่เกิน 1/3 ของปริมาตรถัง  (หากสูบมากเกินกำหนดถังอาจเสียหายได้)  กรณีถังเติมอากาศให้สลับกันดูดจากช่องแยกตะกอน และช่องกรองเพื่อรักษาระดับน้ำระหว่างช่องยุบลงให้เท่า ๆ กันทำให้ถังบำบัดมีอายุการใช้งานยาวนาน
  3. ให้เติมน้ำเต็มถังทันที  (สังเกตท่อน้ำล้นจะไหลออกลงบ่อพัก)  แล้วจึงปิดฝาถังให้เรียบร้อย
  4. กรณีถังเติมอากาศ  ให้ตรวจสอบการทำงานของเครื่องเติมอากาศและเครื่องสูบตะกอนว่าทำงานตามกำหนดหรือไม่ รวมถึงตู้คอนโทรลจะเป็นตัวควบคุมการทำงานของปั๊มเติมอากาศ เพราะถังเติมอากาศต้องใช้อากาศเพื่อเลี้ยงเชื้อจุลินทรีย์ หากไม่มีเติมอากาศเติมลงถังบำบัดเชื้อจุลินทรีย์บางส่วนอาจตายได้และในกรณีถ้าเครื่องเติมอากาศชำรุดเป็นระยะเวลา1-2วัน อาจส่งผลต่อค่าน้ำBODออกที่เพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากขาดอากาศไปเลี้ยงเชื้อจุลินทรีย์(หากมีเสียงดังผิดปรกติจากปั๊ม  ลมไม่ออก  หรือสูบน้ำไม่ขึ้น  ให้แจ้งฝ่ายบริการ)
  5. ห้ามทิ้งเศษขยะ  หรือของที่ไม่ย่อยสลาย  ลงใน ถังบำบัดน้ำเสียไฟเบอร์กลาส
  6. การทำความสะอาดห้องน้ำทุกครั้ง  ควรใช้น้ำยาล้างห้องน้ำที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  ไม่ควรล้างบ่อยและอย่าใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคชนิดรุนแรงไหลลงเพราะจะทำให้ถังทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพ
  7. กรณีถังดักไขมัน  ให้ถอดตะกร้าเทขยะ  และล้างตะกร้าทุกวัน  หรือเมื่อขยะเต็มหรืออุดตัน(ซึ่งอาจทำให้ถังบำบัดเสียหายได้ภายหลัง)
  8. ควรสูบตะกอนไปกำจัดปีละ  1 - 2  ครั้ง  โดยสูบประมาณไม่เกิน 1/3  ของถังแล้วเติมน้ำ หลังจากนั้นให้ใส่หัวเชื้อจุลินทรีย์ในถังบำบัดเพื่อเพิ่มจุลินทรีย์แทนของเก่าที่สูบออกไปให้การบำบัดมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
Visitors: 3,032,636